คาโซกุ

สโมสรขุนนาง กรุงโตเกียว ค.ศ. 1912
คาโซกุ, ภาพหมู่

คาโซกุ (ญี่ปุ่น: 華族 "สายเลือดอันสูงศักดิ์") เป็นชนชั้นขุนนางของจักรวรรดิญี่ปุ่น ปรากฏอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1869 ถึง 1947 ซึ่งหลังปี ค.ศ. 1884 ได้พัฒนาเป็นระบบขุนนางสืบตระกูลเหมือนในยุโรป ระบบนี้เริ่มขึ้นจากกลุ่มคนที่เรียกว่า คุเงะ (公家) ซึ่งเป็นเหล่าข้าราชสำนักที่สูญเสียอิทธิพลไปหลังญี่ปุ่นถูกปกครองโดยโชกุน คุเงะเหล่านี้ได้ร่วมล้มล้างระบอบโชกุนและฟื้นฟูระบอบจักรพรรดิได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1868[1] หลังจากได้รัฐบาลใหม่ที่มีองค์จักรพรรดิเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลใหม่ก็แต่งตั้งคุเงะเหล่านี้เข้าไปกำกับดูแลกรมทั้งเจ็ดซึ่งตั้งขึ้นมาใหม่

ในวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1869 ผู้นำในรัฐบาลใหม่ซึ่งมีหัวตะวันตกได้จัดตั้งระบบชนชั้นแบบใหม่ขึ้นมาซึ่งประกอบด้วยชนชั้น คาโซกุ (ขุนนาง), ชิโซะกุ (อดีตซามูไร) และ เฮมิน (สามัญชน) โดยคนในชนชั้นคาโซกุประกอบด้วยบรรดาคุเงะและอดีตไดเมียว ซึ่งในขณะนั้นมีตระกูลคุเงะและอดีตไดเมียวอยู่ทั้งสิ้น 427 ตระกูล และมีมากที่สุดถึง 1,016 ตระกูลในปี 1944[2]

จักรพรรดิเมจิทรงเปิดสมัยประชุมสภาขุนนาง ค.ศ. 1890

ในช่วงแรก คาโซกุทุกคนที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะต้องพำนักอยู่ภายในกรุงโตเกียวเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อมีการตั้งระบบเบี้ยหวัดรายเดือนขึ้นมาในปลายปี 1869 ได้ทำให้คาโซกุจำนวนมากลงจากตำแหน่งทางการเมือง ต่อมาหลังอิโต ฮิโรบูมิ รัฐมนตรีมหาดไทย กลับมาจากการเยือนทวีปยุโรป ก็ได้มีการผลักดันและตราพระราชบัญญัติขุนนาง ค.ศ. 1884 ขึ้น ซึ่งจะมอบบรรดาศักดิ์ขุนนางให้แก่คาโซกุผู้โดดเด่นในการอุทิศตนให้แก่ชาติบ้านเมือง รัฐบาลได้กำหนดฐานันดรขุนนางสืบตระกูลออกเป็นห้าขั้น เหมือนบรรดาศักดิ์อังกฤษ คือ:

  1. เจ้า ก่อนคือดยุก (公爵 โคซะกุ)
  2. มาควิส (侯爵 โคเชะ)
  3. เคานต์ ก่อนคือเอิร์ล (伯爵 ฮะกุชะกุ)
  4. ไวเคานต์ (子爵 ชิชะกุ)
  5. บารอน (男爵 ดันชะกุ)

พระบรมวงศ์ชั้นชินโนและไนชินโนส่วนมากจะได้รับบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าสืบตระกูล (宮 มิยะ) ซึ่งเทียบเท่ากับดยุก ในขณะที่ประมุขของราชสกุลทั้งห้าในเครือฟุจิวะระ (ราชสกุลโคโนเอะ, ทากาสึกาซะ, คุโจ, อิชิโจ และ นิโจ) มีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าสืบตระกูลเช่นกัน ส่วนประมุขของตระกูลคุเงะอื่นๆจะได้เป็นมาควิส นอกจากนี้ยังมีการพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นกรณีพิเศษด้วย เช่นประมุขของตระกูลโทกูงาวะก็มีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าสืบตระกูล

ระบบขุนนางญี่ปุ่นนี้ แตกต่างจากระบบขุนนางในยุโรปจุดหนึ่งตรงที่ว่า การสืบตระกูลในยุโรปนั้นจะยึดถือตามสิทธิของบุตรหัวปีเป็นหลักและต้องเป็นทายาทตามกฎหมาย แต่ในญี่ปุ่นนั้นไม่จำเป็นเสมอไป บุตรนอกกฎหมายสามารถสืบตระกูลและทรัพย์สินได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการล่มหายของสายตระกูล นอกจากนี้ ประมุขตระกูลอาจรับเอาทายาทบุญธรรมมาจากตระกูลอื่นก็ได้ (ซึ่งนิยมทำกันบ่อย) โดยไม่จำเป็นว่าตระกูลนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ทายาทบุญธรรมนั้นมีสิทธิเหมือนกับทายาททางสายเลือดทุกประการ

หลังญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐอเมริกาได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นบังคับใช้ในปี ค.ศ. 1946 รัฐธรรรมนูญฉบับใหม่นี้ได้ยกเลิกบรรดาศักดิ์ทั้งหมดของบุคคลที่ไม่ใช่พระราชวงศ์ชั้นสูง

อ้างอิง

  1. Peter Francis Kornicki, The emergence of the Meiji state (1998), p. 115
  2. Kodansha Encyclopedia of Japan, p. 1194.
  • Jansen, Marius B. (2000). The Making of Modern Japan. Cambridge: Harvard University Press. ISBN 978-0-674-00334-7. OCLC 44090600.
  • Lebra, Sugiyama Takie (1993). Above the Clouds: Status Culture of the Modern Japanese Nobility. Berkeley, California: University of California Press. ISBN 978-0-520-07602-0.
  • Wakabayashi, Bob Tadashi (1991). "In Name Only: Imperial Sovereignty in Early Modern Japan". The Journal of Japanese Studies. 17 (1): 25–57.