ภูเขาไฟเอเรบัส
ภูเขาไฟเอเรบัส | |
---|---|
![]() ภูเขาไฟเอเรบัส พ.ศ. 2515 | |
จุดสูงสุด | |
ความสูง เหนือระดับน้ำทะเล | 3,794 เมตร (12,448 ฟุต) [1] |
ความสูง ส่วนยื่นจากฐาน | 3,794 เมตร (12,448 ฟุต) [1] Ranked 34th |
รายชื่อ | Ultra |
พิกัด | 77°31′47″S 167°09′12″E / 77.52972°S 167.15333°E [2] |
ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ | |
ที่ตั้ง | เกาะรอสส์ แอนตาร์กติกา (ส่วนหนึ่งของรอสส์ดีเพนเดนซีอ้างสิทธิโดยนิวซีแลนด์) |
แผนที่ภูมิประเทศ | เกาะรอสส์ |
ข้อมูลทางธรณีวิทยา | |
อายุหิน | 1.3 ล้านปี |
ประเภทภูเขา | กรวยภูเขาไฟสลับชั้น |
การปะทุครั้งล่าสุด | พ.ศ. 2515 ถึงปัจจุบัน |
การพิชิต | |
พิชิตครั้งแรก | เอจเวิร์ด เดวิดและคณะ ใน พ.ศ. 2451 [3] |
เส้นทางง่ายสุด | เบสิคสโนว์ & ปีนน้ำแข็ง |
ภูเขาไฟเอเรบัส (อังกฤษ: Mount Erebus) เป็นภูเขาไฟมีพลังที่อยู่ใต้สุดของโลกและเป็นสูงเป็นอันดับ 2 ในทวีปแอนตาร์กติการองจากภูเขาไฟซีย์เล ภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาบนเกาะที่สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก[1] สูง 3,794 เมตรตั้งอยู่บนเกาะรอสส์ที่เป็นที่ตั้งของภูเขาดับสนิทอย่างภูเขาเทเรอะและภูเขาเบิรด์
ภูเขาลูกนี้เริ่มปะทุเมื่อประมาณ 1.3 ล้านปีที่แล้ว[4] และภูเขาลูกนี้ยังเป็นที่ตั้งของที่สังเกตการณ์ที่ดูแลโดยสถาบันเหมืองแร่และเทคโนโลยีแห่งรัฐนิวเม็กซิโก[5]
ธรณีวิทยาและวิทยาภูเขาไฟ
ภูเขาไฟเอเรบัสเป็นภูเขาไฟที่มีกิจกรรมทางภูเขาไฟมากที่สุดในแอนตาร์กติกาและยังเป็นจุดปะทุของจุดร้อนเอเรบัสในปัจจุบัน ยอดปล่องภูเขาไฟมีทะเลสาบหินโฟโนไลต์หลอมเหลวซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของทะเลสาบลาวาที่อยู่ถาวรบนโลก เอเรบัสเป็นภูเขาไฟที่ประทุแบบสตรอมโบเลียนตามทะเลสาบลาวาหรือตามรอยแตกทั้งหมดของปล่องภูเขาไฟ[6][7] ภูเขาไฟลูกนี้มีความโดดเด่นทางวิทยาศาสตร์เนื่องจากกิจกรรมการปะทุต่อเนื่องอยู่ในระดับต่ำและผิดปกติทำให้ช่วยให้ศึกษาการประทุแบบสตรอมโบเลียนได้อย่างใกล้ชิด ภูเขาลูกนี้มีลักษณะเฉพาะร่วมกับภูเขาไฟบนโลกเพียงไม่กี่แห่ง เช่นภูเขาไฟสตรอมโบลีในประเทศอิตาลี การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของภูเขาไฟลูกนี้ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากอยู่ห่างจากที่ตั้งของฐานสกอตของนิวซีแลนด์และสถานีแม็คเมอร์โดของสหรัฐเพียง 35 กม.
ภูเขาไฟเอเรบัสจัดเป็นกรวยภูเขาไฟสลับชั้นโดยครึ่งล่างเป็นรูปโล่ด้านบนเป็นกรวยภูเขาไฟสลับชั้น ส่วนประกอบที่ปะทุออกมาจากเอเรบัสจะเป็นพวกผลึกดอก อะนอร์โทเคลส เทไฟร์ทและหินโฟโนไลต์ซึ่งเป็นส่วนประกอบของลาวาในภูเขาไฟ ส่วนประกอบของการระเบิดที่เก่าแก่ที่สุดมีส่วนประกอบไม่ต่างกันแต่จะมีหินบาซาไนต์หลอมเหลวที่หนืดซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เป็นรูปโล่บริเวณตีนเขา หินบาซาไนต์และหินโฟโนไลต์หลอมเหลวจำนวนเล็กน้อยทำให้เกิดสันเขาแฟรงและสถานที่อื่น ๆ รอบภูเขาไฟเอเรบัส ภูเขาไฟเอเรบัสเป็นภูเขาไฟที่ปะทุโฟโนไลต์เพียงแห่งเดียวในโลกในปัจจุบัน[8]
ประวัติ
ชื่อและการค้นพบ
เจมส์ คลาร์ก รอสส์ค้นพบภูเขาลูกนี้ในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2384[9] (เห็นระหว่างการปะทุ) อีกทั้งยังตั้งชื่อให้ภูเขาลูกนี้และภูเขาเทเรอะตามชื่อเรือหลวงเอเรบัสและเรือหลวงเทเรอะ
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 "Mount Erebus". Global Volcanism Program. Smithsonian Institution. สืบค้นเมื่อ 2008-12-29.
- ↑ "Mount Erebus". Geographic Names Information System, U.S. Geological Survey. สืบค้นเมื่อ 2011-07-30.
- ↑ "Antarctic explorers". Australian Antarctic Division. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-22. สืบค้นเมื่อ 2008-12-29.
- ↑ "Mt. Erebus". Mt. Erebus Volcano Observatory (MEVO). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 12, 2012. สืบค้นเมื่อ January 11, 2015.
- ↑ "Mount Erebus Volcano Observatory". New Mexico Tech. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-02. สืบค้นเมื่อ 2008-12-29.
- ↑ Kyle, P. R., บ.ก. (1994). Volcanological and Environmental Studies of Mount Erebus, Antarctica. Antarctic Research Series. Washington DC: American Geophysical Union. ISBN 0-87590-875-6.
- ↑ Aster, R.; Mah, S.; Kyle, P.; McIntosh, W.; Dunbar, N.; Johnson, J. (2003). "Very long period oscillations of Mount Erebus volcano". J. Geophys. Res. 108: 2522. doi:10.1029/2002JB002101.
- ↑ Burgisser, Alain; Oppenheimer, Clive, Alletti, Marina; Kyle, Phillip R.; Scaillet, Bruno; Carroll, Michael R. (November 2012). "Backward Tracking of gas chemistry measurements at Erebus volcano". Geochemistry Geophysics Geosystems. 13 (11): 24. doi:10.1029/2012GC004243.
{cite journal}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)[ลิงก์เสีย] - ↑ Ross, Voyage to the Southern Seas, vol. i, pp. 216–8.