ล็อกฮีด มาร์ติน ซี-130เจ ซูเปอร์เฮอร์คิวลิส
ซี-130เจ ซูเปอร์เฮอร์คิวลิส | |
---|---|
ข้อมูลทั่วไป | |
บทบาท | เครื่องบินขนส่งทางทหาร |
ชาติกำเนิด | สหรัฐ |
บริษัทผู้ผลิต | ล็อกฮีด มาร์ติน |
สถานะ | อยู่ในการผลิต |
ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพอากาศสหรัฐ นาวิกโยธินสหรัฐ<>ยามชายฝั่งสหรัฐ กองทัพอากาศอังกฤษ |
ประวัติ | |
เริ่มใช้งาน | พ.ศ. 2542 |
เที่ยวบินแรก | 5 เมษายน พ.ศ. 2539 |
พัฒนาจาก | ซี-130 เฮอร์คิวลิส |
สายการผลิต | ล็อกฮีด มาร์ติน อีซี-130เจ ล็อกฮีด มาร์ติน ดับบลิวซี-130เจ |
ล็อกฮีด มาร์ติน ซี-130เจ ซูเปอร์เฮอร์คิวลิส (อังกฤษ: C-130J Super Hercules) เป็นเครื่องบินขนส่งทางทหารที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบใบพัด4เครื่องยนต์ของอเมริกา ซี-130เจเป็นการพัฒนาจากล็อกฮีด ซี-130 เฮอร์คิวลิสด้วยเครื่องยนต์ ห้องนักบิน และระบบใหม่ ตระกูลเฮอร์คิวลิสได้เป็นเครื่องบินที่ทำการผลิตติดต่อกันยาวนานที่สุด ตลอดระยะเวลา 50 ปีในการทำงานของมัน ตระกูลนี้ได้มีส่วนร่วมในกองทัพ พลเรือน และการช่วยเหลือด้านมุนษยธรรมมากมาย เฮอร์คิวลิสยังมีอายุยาวนานกว่าเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ อย่างเครื่องบินขนส่งขึ้น-ลงระยะสั้นขนาดกลาง
การออกแบบและการพัฒนา
ซี-130เจเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของเฮอร์คิวลิสและเป็นรุ่นเดียวเท่านั้นที่ยังทำการผลิตอยู่ ด้านภายนอกแล้วมันเหมือนกับเฮอร์คิวลิสรุ่นดั้งเดิม แต่อันที่จริงแล้วรุ่นเจเป็นเครื่องบินที่แตกต่างออกไปอย่างมาก ความแตกต่างนั้นได้แก่ เครื่องยนต์เทอร์โบใบพัดโรลส์-รอยซ์ เออี 2100 ดี3 พร้อมดาวตี้ อาร์391[1] ใบพัดที่ทำจากวัสดุผสม ระบบอิเลคทรอนิกอากาศแบบดิจิทัล (รวมทั้งหน้าจอฮัด) และระบบลูกเรือแบบใหม่ (นักบินสองนาย พลลำเลียงหนึ่งนาย และหัวหน้าลูกเรือหนึ่งนาย ไม่มีพลนำร่องหรือวิศวกรการบิน)
มันสามารถถูกตั้งเป็นระบบจัดการสินค้าเสริมได้อีกด้วย ระบบนี้จะประกอบด้วยสถานีลำเลียงแบบคอมพิวเตอร์จากที่ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้รีโมตควบคุมพื้นด้านล่างและตั้งระบบพื้นพลิกเพื่อปรับให้พื้นทีลูกเลื่อนหรือไม่มี ในการพัฒนาตอนแรกให้กับกองทัพอากาศสหรัฐ ระบบนี้สามารถทำการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของมันได้อย่างรวดเร็วเพื่อบรรทุกและยืดเวลาในการทำงานของเครื่องบิน[2] การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เพิ่มการทำงานให้เหนือกว่าซี-130อี/เอช อย่างพิสัยมากกว่าเดิม 40% ความเร็วสูงสุดมากกว่า 21% และใช้ระยะทางในการขึ้น-ลงน้อยกว่า 41%[3]
ซี-130เจนั้นมีแบบที่มีความยาวพื้นฐานหรือยืดออกได้แบบ-30 ล็อกฮีด มาร์ตินได้รับรายการสั่งซื้อรุ่นเจจากกองทัพอากาศอังกฤษ ซึ่งต้องการทั้งหมด 25 ลำ โดยให้เริ่มส่งมอบในพ.ศ. 2542 โดยใช้ชื่อว่าเฮอร์คิวลิส ซี. มาร์ก 4 (ซี-130เจ-30) และเฮอร์คิวลิส ซี. มาร์ก 5 (ซี-130เจ)
กองทัพอากาศสหรัฐได้เงิน 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการทำสัญญาซื้อเคซี-130เจหกลำจากล็อกฮีด มาร์ตินในกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 ในสัญญาระบุว่าต้องการซี-130เจเข้าไปแทนที่เอชซี-130 และเอ็มซี-130[4]
ด้วยอุปกรณ์พิเศษของนาวิกโยธิน เคซี-130เจะสามารถทำหน้าที่ในการเป็นเครื่องบินเฝ้าดูและสามารถให้การสนับสนุนภาคพื้นดินด้วยการใช้ปืนใหญ่ 30 ม.ม. ขีปนาวุธเฮลไฟร์ และระเบิดนำวิถี[5] ด้วยกำลังเหล่านี้ มันจึงมีชื่อว่า"ฮาร์เวสท์ฮอว์ก" (Harvest Hawk) ที่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ที่ความแม่นยำไม่จำเป็นนัก อย่างพื้นที่ปลอดอาวุธ[6]
ประวัติการทำงาน
ผู้ใช้รายใหญ่ที่สุดคือกองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งกำลังสั่งซื้อในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันซี-130เจถูกใช้โดยกองทัพอากาศสหรัฐ นาวิกโยธินสหรัฐ(มันจะเป็นเครื่องบินแบบที่ 4 ต่อจากเคซี-130เอฟ เคซี-130อาร์ และเคซี-130ที)[7]) ยามชายฝั่งสหรัฐ กองทัพอากาศอังกฤษ กองทัพอากาศออสเตรเลีย กองทัพอากาศเดนมาร์ก กองทัพอากาศนอร์เวย์ และกองทัพอากาศอิหร่าน มีซี-130เจที่จัดหามาทั้งสิ้น 186 ลำในรายการสั่งซื้อเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549[8]
ล็อกฮีด มาร์ตินได้เสนอซี-130เจให้กับกองทัพอากาศเยอรมนี ซึ่งกำลังรอคอยเครื่องบินที่จะมาแทนที่ทรานส์คอลในปีพ.ศ. 2553 (เป็นเครื่องเอ400เอ็มของแอร์บัส) แต่ข้อเสนอก็ถูกปฏิเสธ
กองทัพอากาศอินเดียได้สั่งซื้อซี-130เจทั้งหมด 6 ลำในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 โดยมีมูลค่าทั้งหมด 1,059 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[9] มันเป็นข้อตกลงแบบแพ็คเกจกับรัฐบาลสหรัฐภายใต้โครงการการขายให้กับกองทัพต่างชาติ และอินเดียได้เลือกข้อเสนอในการซื้อเพิ่มอีกหกลำสำหรับกองกำลังพิเศษ[10]
กองทัพแคนาดาทำสัญญาซื้อมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับล็อกฮีด มาร์ตินสำหรับเครื่องซี-130เจจำนวน 17 ลำในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2551 เพื่อนำมาแทนที่ซี-130เอช/อี[11] รุ่นเจจะได้รับชื่ออย่างเป็นทางการว่าซีซี-130เจ เฮอร์คิวลิสในแคนาดา[12]
กองทัพอากาศนอร์เวย์ได้สั่งซื้อซี-130เจไว้ 4 ลำเมื่อปีพ.ศ. 2550 เพื่อนำมาแทนที่ซี-130เอชทั้งหกลำที่ต้องการการซ่อมแซม[13][14] เครื่องบินลำแรกถูกส่งมอบในเดือนกันยายน พ.ศ. 2551[15][16]
กาตาร์ได้สั่งซื้อซี-130เจเมื่อปีพ.ศ. 2551 พร้อมกับชิ้นส่วนอะไหล่และการฝึกนักบินของกองทัพอากาศ ในสัญญามีมูลค่าทั้งหมด 393.6 ล้านดอลาาร์สหรัฐและมีกำหนดส่งมอบในปีพ.ศ. 2554[17] กองทัพอากาศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศว่าทำการสั่งซื้อซี-130เจจำนวน 12 ลำในงานแสดงการป้องกันนานาชาติเมื่อปีพ.ศ. 2552 โดยมีมูลค่าทั้งหมด 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[18]
กองทัพอากาศอิสราเอลกำลังมองหาซี-130เจ-30[19] กองทัพอากาศอิรักได้สั่งซื้อซี-130เจ-30 หกลำ[20][21]
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 ล็อกฮีด มาร์ตินกล่าวว่าทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสได้ขอรายละเอียดทางเทคนิคของซี-130เจเพื่อเป็นทางเลือกของแอร์บัส เอ400เอ็มที่มีปัญหา[22]
แบบต่างๆ
- ซี-130เจ
- เป็นเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี
- ซี-130เจ-30
- รุ่นที่มีลำตัวยาวขึ้นอีก 4.6 เมตร
- เคซี-130เจ
- เป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงและลำเลียงทางยุทธวิธีของนาวิกโยธินสหรัฐ
- ดับบลิวซี-130เจ
- เป็นรุ่นสำหรับทำการตรวจสภาพอากาศและตามล่าเฮอร์ริเคน
- อีซี-130เจ
- คอมมานโดโซโล เป็นแบบสำหรับปฏิบัติการพิเศษ
- เอชซี-130เจ
- เป็นเครื่องบินลาดตตระเวนระยะไกลและกู้ภัยทางทะเลของยามชายฝั่งสหรัฐ
- ซีซี-130เจ เฮอร์คิวลิส
- เป็นชื่อที่เรียกในกองทัพแคนาดา
- เฮอร์คิวลิส ซี4
- เป็นชื่อเรียกซี-130เจ-30 ในกองทัพอากาศอังกฤษ
- เฮอร์คิวลิส ซี5
- เป็นชื่อเรียกซี-130เจในกองทัพอากาศอังกฤษ
ประเทศผู้ใช้งาน
- กองทัพอากาศกาตาร์ สั่งซื้อซี-130เจเอาไว้ 3 ลำโดยเริ่มการส่งมอบในปีพ.ศ. 2554[23]
- กองทัพอากาศแคนาดา สั่งซื้อไว้ 17 ลำโดยจะทำเริ่มการส่งมอบในปีพ.ศ. 2553
- กองทัพอากาศเดนมาร์ก มี 4ลำ
- กองทัพอากาศนอร์เวย์ มีซี-130เจ-30 สี่ลำในรายการสั่งซื้อ โดยลำแรกทำการส่งมอบไปแล้วในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551
- กองทัพอากาศสหรัฐ มี 65 ลำ (ประจำการ 32 ลำ เป็นของกองรักษาดินแดน 22 ลำ และกองกำลังสำรอง 11 ลำ)[24]
- ยามชายฝั่งสหรัฐ มี 6 ลำ
- นาวิกโยธินสหรัฐ มีเคซี-130เจ 29 ลำ
- กองทัพอากาศอังกฤษ มี 24 ลำ[25]
- กองทัพอากาศอิตาลี มี 22 ลำ (ซี-130เจ 12 ลำ ซี-130เจ-30 10 ลำ และเคซี-130เจ 6 ลำ)
- กองทัพอากาศอิรัก สั่งซื้อไว้ 6 ลำ เป็นซี-130เจ-30[21]
- กองทัพอากาศอินเดีย สั่งซื้อไว้ 6 ลำโดยเริ่มส่งมอบในปีพ.ศ. 2554 คาดว่าจะทำการซื้อเพิ่มอีก 6 ลำ
- กองทัพอากาศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สั่งซื้อซี-130เจเอาไว้ 12 ลำ
- กองทัพอากาศโอมาน มีซี-130เจ-30 หนึ่งลำที่กำลังจะส่งมอบในปีพ.ศ. 2555[26].
- กองทัพอากาศออสเตรเลีย มี 12 ลำ
รายละเอียด
- ลูกเรือ 3 นายเป็นอย่างน้อย (นักบินสองและพลลำเลียง)
- ความจุ
- ผู้โดยสาร 92 คน (สำหรับซี-130เจ-30 จะได้ 128 คน) หรือ
- ทหารพลร่ม 64 นาย (สำหรับซี-130เจ-30 จะได้ 92 นาย) หรือ
- สินค้า 6 ฐาน (8 ฐานสำหรับซี-130เจ-30) หรือ
- รถฮัมวี 2-3 คัน หรือ รถสายพานลำเลียงพล เอ็ม113 หนึ่งคัน
- น้ำหนักที่บรรทุกได้ 19,090 กิโลกรัม และ 19,900 กิโลกรัมสำหรับซี-130เจ-30
- ความยาว 29.79 เมตร และ 34.68 สำหรับซี-130เจ-30
- ระยะระหว่างปลายปีกทั้งสอง 40.41 เมตร
- ความสูง 11.84 เมตร
- พื้นที่ปีก 162.1 ตารางเมตร
- น้ำหนักเปล่า 34,274 กิโลกรัม
- น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด มากสุดได้ 79,378 กิโลกรัม แต่โดยปกติแล้ว 70,305 กิโลกรัม
- ขุมกำลัง เครื่องยนต์เทอร์โบใบพัดโรลส์-รอยซ์ เออี 2100ดี3 สี่เครื่องยนต์ แต่ละเครื่องให้กำลังขับ 4,700 แรงม้า (แต่ละเครื่องใช้ใบพัดขับเคลื่อนอาร์391 ที่เป็นวัสดุผสมของดาวตี้ 6 ใบ)
- ความเร็วสูงสุด 670 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- พิสัย 5,250 กิโลเมตร
- เพดานบินทำการ 40,000 ฟุต
- ระยะในการบินขึ้น 953 เมตรพร้อมน้ำหนักทั้งหมด 70,300 กิโลกรัม
ดูเพิ่ม
- ซี-27เจ สปาร์ตันเป็นเครื่องบินที่ใช้ระบบและเครื่องยนต์เหมือนกับซี-130เจ
- การพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
- ซี-130 เฮอร์คิวลิส
- ล็อกฮีด ดับบลิวซี-130
- ล็อกฮีด ดีซี-130
- ล็อกฮีด อีซี-130
- ล็อกฮีด เอซี-130
- ล็อกฮีด เอชซี-130
- ล็อกฮีด แอลซี-130
- ล็อกฮีด เอ็มซี-130
- อากาศยานที่เทียบเท่า
- แอร์บัส เอ400เอ็ม
- แอนโตนอฟ แอน-70
- เอ็มบราเออร์ ซี-390
อ้างอิง
- ↑ C-130J Advanced propeller system (6-blade R391 propellor) เก็บถาวร 2010-04-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Dowty Propellers. Retrieved: 31 July 2009.
- ↑ C-130J Spec Book. cc-130j.ca
- ↑ 3.0 3.1 Eden, Paul. "Lockheed C-130 Hercules". Encyclopedia of Modern Military Aircraft. Amber Books, 2004. ISBN 1904687849.
- ↑ Trimble, Stephen (18 June 2008). "Lockheed Martin C-130J selected for new special operations role"". Flightglobal. Reed Business Information.
- ↑ "General James T. Conway on The Posture of the United States Marine Corps, 14 May 2009". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-11-21. สืบค้นเมื่อ 2009-10-05.
- ↑ McCullough, Amy (1 June 2009). "Refuel and Fire". Marine Corps Times. Gannett Company.
{cite news}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help) - ↑ [1]
- ↑ "News Breaks", Aviation Week & Space Technology, 18 December 2006.
- ↑ India – C-130J Aircraft เก็บถาวร 2008-03-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Defence Security Cooperation Agency, 25 May 2007.
- ↑ "India signs agreement for Hercules aircraft". Indian Defense Research Wing. 6 February 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-06-26. สืบค้นเมื่อ 2009-10-05.
- ↑ Warwick, Graham. "Canada signs $1.4bn contract for 17 Lockheed Martin C-130Js". Flight International, 16 January 2008. Accessed: 17 January 2008.
- ↑ "Public Works and Government Services Canada - PWGSC announces next step in procuring tactical airlift fleet". 3 August 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-07-22. สืบค้นเมื่อ 2007-08-08.
- ↑ "Norway to Renew Tactical Transport Fleet". Defense Industry Daily, 23 November 2009.
- ↑ "Kontraktene er på plass" เก็บถาวร 2009-06-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (นอร์เวย์). Norwegian Defence Force website, 29 June 2007. Contract for new transport planes signed (english)
- ↑ "Arbeidshesten er tilbake" เก็บถาวร 2009-07-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (นอร์เวย์). Norwegian Defence Force website, 25 November 2008. Plough horse back in business (english)
- ↑ Hoyle, Craig. "Norway takes delivery of first Lockheed Martin C-130J". Flight International, 17 November 2008.
- ↑ "LOCAL BRIEFING - Lockheed to Supply Planes to Qatar". Washington Post, 8 October 2008, p. D4
- ↑ [2]
- ↑ "Israel - C-130J-30 Aircraft". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-25. สืบค้นเมื่อ 2009-10-05.
- ↑ Iraq - C-130J-30 Aircraft เก็บถาวร 2008-10-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Defense Security Cooperation Agency, 25 July 2008.
- ↑ 21.0 21.1 "Iraq Orders C-130Js". Defense Industry Daily, 12 August 2009.
- ↑ U.K., France Seek Data on Super Hercules Plane, Lockheed Says
- ↑ "Qatar Buys 3 C-130Js"[ลิงก์เสีย]. Defense News, 8 October 2008.
- ↑ Hoyle, Craig. "Lockheed Martin delivers 100th C-130J for US customer". Flightglobal.com, 1 May 2008. Retrieved on 2 May 2008.
- ↑ "Lockheed Martin Completes C-130J Deliveries for 2001". Lockheed Martin UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-07. สืบค้นเมื่อ 2008-06-06.
- ↑ "Sultanate of Oman Acquires C-130J Super Hercules" เก็บถาวร 2012-06-30 ที่ archive.today. Reuters, 5 June 2009
- ↑ "USAF C-130 Hercules fact sheet". September 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-01. สืบค้นเมื่อ 13 June 2009.
- ↑ Frawley, Gerard (2002). The International Directory of Military Aircraft, 2002/03. Fyshwick, ACT, Australia: Aerospace Publications Pty Ltd. pp. 108. ISBN 1-875671-55-2.