เฮลซิงกิ
เฮลซิงกิ Helsinki – Helsingfors | |
---|---|
Helsingin kaupunki Helsingfors stad City of Helsinki | |
ตามเข็มจากบน: อาสนวิหารเฮลซิงกิ, เฮลซิงกิตอนกลาง, ซาโนมากับคีอัสมา, ใจกลางนครยามค่ำคืน, ชายหาดออรินโกลาห์ตี, รัฐสภา และ ซูโอเมนลินนา | |
สมญา: Stadi, Hesa[1] | |
Location in the Uusimaa region and the Helsinki sub-region | |
ประเทศ | ฟินแลนด์ |
ภูมิภาค | Uusimaa |
อนุภูมิภาค | Helsinki |
Charter | 1550 |
Capital city | 1812 |
การปกครอง | |
• Lord Mayor | Jussi Pajunen |
• Mayor | To be elected in 2017 |
พื้นที่ | |
• เขตเมือง | 672.08 ตร.กม. (259.49 ตร.ไมล์) |
• รวมปริมณฑล | 3,697.52 ตร.กม. (1,427.62 ตร.ไมล์) |
ประชากร | |
• เขตเมือง | 1,231,595 คน |
• ความหนาแน่นเขตเมือง | 1,800 คน/ตร.กม. (4,700 คน/ตร.ไมล์) |
• รวมปริมณฑล | 1,431,641 คน |
• ความหนาแน่นรวมปริมณฑล | 387.2 คน/ตร.กม. (1,003 คน/ตร.ไมล์) |
เดมะนิม | helsinkiläinen (Finnish) helsingforsare (Swedish) Helsinkian (English) |
เขตเวลา | UTC+2 (EET) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+3 (EEST) |
รหัสพื้นที่ | +358-9 |
Climate | Dfb |
เว็บไซต์ | www.hel.fi |
เฮลซิงกิ (ฟินแลนด์: Helsinki, ออกเสียง: [ˈhelsiŋki] ( ฟังเสียง); สวีเดน: Helsingfors, ภาษาสวีเดนถิ่นฟินแลนด์: [hɛlsɪŋˈfɔrs] ( ฟังเสียง)) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ ริมชายฝั่งอ่าวฟินแลนด์ ตัวเมืองมีประชากรประมาณ 600,000 คน เฮลซิงกิอยู่ติดกับเมืองวันตาและเอสโปซึ่งรวมตั้งเป็นเขตเมืองหลวงหรือมหานครเฮลซิงกิ มีประชากรเกือบหนึ่งล้านคน และถ้านับเขตที่อยู่อาศัยในปริมณฑลด้วยจะมีประชากรมากกว่า 1.2 ล้านคน
เฮลซิงฟอร์สเป็นชื่อเมืองดั้งเดิม และยังคงเป็นชื่อเมืองในภาษาสวีเดนในปัจจุบัน ในอดีตเป็นชื่อที่ใช้ในระดับนานาชาติด้วย
ประวัติ
ในปีพ.ศ. 2093 พระเจ้ากุสตาฟที่ 1 แห่งสวีเดน ทรงก่อตั้งเมืองเฮลซิงกิขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้า แข่งกับเมืองทาลลินน์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอ่าวฟินแลนด์ จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางการทหาร เฮลซิงกิจึงตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำวันตา ได้รับการปกป้องจากบรรดาเกาะเล็กๆทั้งหลาย[5] ในช่วงแรกเฮลซิงกิไม่ประสบความสำเร็จมากนัก 90 ปีต่อมา สมเด็จพระราชินีคริสตินา ทรงดำริให้ย้ายเมืองไปทางใต้ 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบันของเมือง เฮลซิงกิได้รับสถานะเป็นเมืองสำคัญ สามารถทำการค้าขายกับต่างประเทศได้ แต่ในเวลานี้สวีเดนได้ครอบครองทางใต้ของอ่าวฟินแลนด์แล้ว เฮลซิงกิจึงไม่มีความสำคัญมากนัก และยังคงเป็นเมืองเล็กๆอยู่[6]
ในปีพ.ศ. 2291 เริ่มมีการสร้างฐานทัพ Suomenlinna บนหมู่เกาะบริเวณปากอ่าวของเฮลซิงกิ การก่อสร้างนี้ส่งผลต่อเฮลซิงกิจากการที่คนงานนับพันคนเข้ามาทำให้การค้าเจริญเติบโตขึ้น รวมถึงทหารประจำการที่มาพร้อมกับครอบครัวและวัฒนธรรมแบบชาวสวีเดนชั้นสูง[7]
พ.ศ. 2351-52 เกิดสงครามระหว่างรัสเซียและสวีเดน ดินแดนฟินแลนด์ตกเป็นส่วนหนึ่งของสวีเดนในฐานะราชรัฐปกครองตนเองฟินแลนด์ ชาวฟินแลนด์บางส่วนเริ่มสนับสนุนความคิดการตั้งเฮลซิงกิเป็นเมืองหลวงของราชรัฐ ความคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากฝั่งรัสเซียเช่นกัน เนื่องจากเฮลซิงกิอยู่ใกล้กับเซนต์ปีเตอส์เบิร์กมากกว่า และมีอิทธิพลของสวีเดนน้อยกว่าตุรกุซึ่งเป็นเมืองหลวงเดิม ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 จึงตั้งเฮลซิงกิเป็นเมืองหลวงของฟินแลนด์แทนที่ตุรกุในปีพ.ศ. 2355[8] จากการที่เฮลซิงกิถูกทำลายด้วยไฟในปี 2351 ทำให้ซาร์วางแผนที่จะสร้างเมืองขึ้นใหม่ ได้มีการแต่งตั้งวิศวกรชาวฟินแลนด์ให้ออกแบบเมืองใหม่ และเชิญสถาปนิกชาวเยอรมันมาร่วมงาน มีการสร้างอาคารใหม่จำนวนมาก รวมถึงการย้ายมหาวิทยาลัยมาจากตุรกุด้วย สถาปัตยกรรมที่สร้างใหม่นี้มีรูปแบบนีโอคลาสสิกตามแบบเมืองเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก เฮลซิงกิได้กลายมาเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรม
ในช่วงสงครามกลางเมืองฟินแลนด์ พ.ศ. 2461 เฮลซิงกิถูกยึดโดยฝ่ายแดงในเดือนมกราคม วุฒิสภาย้ายไปประจำการที่เมืองวาซา กองทัพฝ่ายขาว ร่วมกับทหารเยอรมันสามารถยึดเฮลซิงกิกลับมาได้ในเดือนเมษายน เฮลซิงกิได้รับความเสียหายไม่มากนัก ในช่วงสงครามฤดูหนาวและสงครามต่อเนื่อง (ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง) เฮลซิงกิถูกโจมตีทางอากาศจากสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตาม เฮลซิงกิได้รับความเสียหายไม่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองสำคัญอื่นๆในยุโรป เฮลซิงกิยังเป็นหนึ่งในสามเมืองหลวงของประเทศในทวีปยุโรปที่เข้าร่วมสงครามที่ไม่ถูกยึดครองโดยฝ่ายศัตรู (อีกสองเมืองคือลอนดอนและมอสโก)
สถาปัตยกรรม
หลังจากเฮลซิงกิถูกตั้งเป็นเมืองหลวง เฮลซิงกิก็ถูกแปรสภาพจากเมืองเล็กๆที่มีประชากรเพียง 4,000 คนเป็นศูนย์กลางการปกครองของฟินแลนด์ สถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้รับอิทธิพลจากจักรวรรดิรัสเซีย โดยเฉพาะรูปแบบนีโอคลาสสิกตามแบบเมืองเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก คาร์ล ลุดวิก เองเกล ชาวเยอรมัน ทำหน้าที่เป็นสถาปนิกใหญ่ในโครงการสร้างเมืองใหม่นี้ ศูนย์กลางของแผนอยู่ที่จัตุรัสวุฒิสภา (Senaatintori; Senatstorgot) ซึ่งมีขนาดใหญ่รองรับคนได้หลายหมื่นคน สิ่งก่อสร้างสำคัญบริเวณจัตุรัสนี้คืออาสนวิหาร (ในอดีตเรียกโบสถ์นิโคลัส) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัส ทางทิศตะวันออกและตะวันตกเป็นทำเนียบรัฐบาลและอาคารหลักของมหาวิทยาลัยตามลำดับ อาคารสองหลังนี้มีขนาดใกล้เคียงกัน ทำเนียบรัฐบาลมีเสาหินแบบคอรินเธียน ในขณะที่อาคารมหาวิทยาลัยเป็นแบบไอออนิก[9] สิ่งก่อสร้างทั้งสามนี้เป็นผลงานของเองเกล เช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างอีกหลายแห่ง อาคารที่มีชื่อเสียงของเองเกลอีกแห่งหนึ่งคือห้องสมุดมหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการยกย่องในเรื่องความงดงาม อิทธิพลของรัสเซียอีกอย่างหนึ่งคือโบสถ์ออร์โธดอกซ์ ซึ่งแห่งที่สำคัญของเฮลซิงกิคือมหาวิหารอุสเปนสกี ก่อสร้างในช่วงปีพ.ศ. 2405-2411[10]
เฮลซิงกิยังมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว (Jugenstil) โดยมีสถาปนิกคนสำคัญคือเอเลียล ซาริเนน ในช่วงแรกซาริเนนร่วมงานกับสถาปนิกอีกสองคนในบริษัท Gesellius, Lindgren & Saarinen ผลงานที่สำคัญในเฮลซิงกิคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ออกแบบในปีพ.ศ. 2445 ผลงานสำคัญของซาริเนนอีกอย่างหนึ่งคือสถานีรถไฟกลางเฮลซิงกิ
อาคารรัฐสภา (Eduskuntatalo) เป็นผลงานนีโอคลาสสิกชิ้นสำคัญของฟินแลนด์ยุคหลังประกาศเอกราช ออกแบบโดยโยฮัน ซิกฟริด ซิเรน ในปีพ.ศ. 2467 และสร้างเสร็จในปีพ.ศ. 2474 ภายหน้าอาคารเป็นเสาหินแบบคอรินเธียน 14 ต้น[11]
สถาปัตยกรรมแบบประโยชน์นิยม (อังกฤษ: functionalism) ได้รับความนิยมในฟินแลนด์ยุคใหม่ อัลวาร์ อาลโต เป็นสถาปนิกชาวฟินแลนด์ที่มีชื่อเสียงในด้านนี้ โดยมีสิ่งก่อสร้างในเฮลซิงกิคือหอฟินแลนเดีย
-
ทำเนียบรัฐบาล (Valtioneuvosto)
-
มหาวิหารอุสเปนสกี (Uspenskin katedraali)
-
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (Suomen kansallismuseo)
-
อาคารรัฐสภา (Eduskuntatalo)
-
หอฟินแลนเดีย (Finlandia-talo)
ศิลปะและวัฒนธรรม
ที่เซนาทสแคว์เมื่อเดือนกันยายน/ตุลาคม 2010 งานนิทรรศการศิลปะกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์: มีผู้เข้าชมงานนิทรรศการสากล United Buddy Bears ประมาณ 1.4 ล้านคน
อ้างอิง
- ↑ Ainiala, Terhi (2009). "Place Names in the Construction of Social Identities: The Uses of Names of Helsinki". Research Institute for the Languages of Finland. สืบค้นเมื่อ 22 September 2011.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 "Area by municipality as of 1 January 2011" (PDF) (ภาษาฟินแลนด์ และ สวีเดน). Land Survey of Finland. สืบค้นเมื่อ 2011-03-09.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 "VÄESTÖTIETOJÄRJESTELMÄ REKISTERITILANNE 30.06.2015" (ภาษาฟินแลนด์ และ สวีเดน). Population Register Center of Finland. สืบค้นเมื่อ 17 July 2015.
- ↑ 4.0 4.1 "List of municipal and parish tax rates in 2011". Tax Administration of Finland. 2010-11-29. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Bell & Hietala p.19
- ↑ Bell & Hietala p.20
- ↑ Bell & Hietala p.21
- ↑ Bell & Hietala p.22
- ↑ Roininen p.18
- ↑ Roininen p.44-47
- ↑ Finland & Morris p.66
บรรณานุกรม
- Bell, M., & Hietala, M. (2002). Helsinki: the innovative city ; historical perspectives. Helsinki: Suomalaisen Kirjallisuuden Seura [u.a.]. ISBN 951-746-359-6 (อังกฤษ)
- Roininen, V., Ekbom, M., & Miller, E. (2003). Vanha, kaunis Helsinki = Det gamla, vackra Helsingfors = Beautiful old Helsinki. Jyväskylä: Atena. ISBN 951-796-309-2 (ฟินแลนด์ สวีเดน อังกฤษ)
- Finland, & Morris, D. (2000). The Finnish parliament. Helsinki: Finnish Parliament : Edita. ISBN 951-37-3228-2(อังกฤษ)
แหล่งข้อมูลอื่น
- แผนที่เมืองเฮลซิงกิ เก็บถาวร 2010-03-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (ฟินแลนด์)
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เก็บถาวร 2016-03-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)
- Helsinki.fi City Portal (อังกฤษ)