ฟุตบอลลีกคัพ 2015 นัดชิงชนะเลิศ

ฟุตบอลลีกคัพ 2015 นัดชิงชนะเลิศ
สนามกีฬาเวมบลีย์ เป็นเจ้าภาพในนัดชิงชนะเลิศ
รายการฟุตบอลลีกคัพ ฤดูกาล 2014–15
เชลซี ทอตนัม ฮอตสเปอร์
2 0
วันที่1 มีนาคม ค.ศ. 2015
สนามสนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด		จอห์น เทร์รี (เชลซี)
ผู้ตัดสินแอนโทนี เทย์เลอร์ (เชเชียร์)
ผู้ชม89,294 คน
สภาพอากาศฝนตก[1]
← 2014
2016 →

ฟุตบอลลีกคัพ 2015 นัดชิงชนะเลิศ เป็นการแข่งขันฟุตบอลหนึ่งนัดที่ถูกวางโปรแกรมการแข่งขันขึ้นในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2015[2] ที่ สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน. ครั้งนี้เป็นนัดชิงชนะเลิศของ ฟุตบอลลีกคัพ ฤดูกาล 2014–15, เป็นฤดูกาลที่ 55 ของ ฟุตบอลลีกคัพ, การแข่งขันฟุตบอลสำหรับ 92 ทีมใน พรีเมียร์ลีก และ ฟุตบอล ลีก.

เป็นการลงสนามพบกันระหว่าง เชลซี, และ ทอตนัม ฮอตสเปอร์.

ภูมิหลัง

เชลซีได้ลงเล่นในเกมลีกคัพนัดชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 7, โดยชนะ 4 ครั้ง, คร้งล่าสุดใน 2007. ถือเป็นการลงสนามนัดชิงชนะเลิศครั้งแรกของพวกเขาที่เวมบลีย์, ซึ่งพวกเขาพ่ายแพ้ในปี 2008 ต่อ ทอตนัม ฮอตสเปอร์. เกมนี้จะเป็นการเข้าชิงชนะเลิศถ้วยในประเทศเป็นครั้งแรกของเชลซีนับตั้งแต่ชัยชนะใน เอฟเอคัพ 2012 นัดชิงชนะเลิศ.[3] เป็นหน้าที่ของผู้จัดการทีมเชลซี โชเซ มูรีนโย อยู่ในความดูแลของลีกคัพในปี 2005 และปี 2007, และสมาชิกในทีม อาทิ ปีเตอร์ เช็ค, จอห์น เทร์รี และ ดีดีเย ดรอกบา ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศทั้งสองครั้ง, ที่มีหลังการให้คะแนนหลังชัยชนะทั้งสองครั้ง.

ทอตนัม ฮอตสเปอร์ ได้ทำสถิติการลงสนามในนัดชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 8, หลังจากชนะสี่ครั้งก่อนหน้านี้, ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2008. เกมนัดชิงชนะเลิศปี 2008 ถือเป็นครั้งแรกที่เวมบลีย์และสามารถเอาชนะได้ในการพบกับ เชลซี. การลงสนามมากครั้งที่สุดของทอตนัม ฮอตสเปอร์เกิดขึ้นในนัดที่พ่ายแพ้ ในปีต่อไป. ของตัวผู้เล่นพวกเขาในฤดูกาล 2014–15, กัปตันทีม ยูแน็ส กาบูล เป็นผู้เล่นตัวสำรองในช่วงต่อเวลาพิเศษในชัยชนะของพวกเขาเมื่อปี ค.ศ. 2008, ในขณะที่ แอรอน เลนนอน ได้เริ่มต้นในนัดดังกล่าวและพบกับความพ่ายแพ้ในปี 2009.

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ

บทความหลัก: ฟุตบอลลีกคัพ ฤดูกาล 2014–15

แมตช์

รายละเอียด

เชลซี2–0ทอตนัม ฮอตสเปอร์
เทร์รี ประตู 45'
วอล์กเกอร์ ประตู 56' (เข้าประตูตัวเอง)		 รายงาน
ผู้ชม: 89,294 คน
ผู้ตัดสิน: แอนโทนี เทย์เลอร์ (เชเชียร์)[4]
เชลซี
ทอตนัม ฮอตสเปอร์
GK 1 เช็กเกีย ปีเตอร์ เช็ค
RB 2 เซอร์เบีย บรานิสลาฟ อีวานอวิช
CB 24 อังกฤษ แกรี เคฮิลล์
CB 26 อังกฤษ จอห์น เทร์รี (c)
LB 28 สเปน เซซาร์ อัซปีลีกูเอตา
DM 5 ฝรั่งเศส เคิร์ต ซูมา โดนใบเหลือง ใน 72nd นาที 72'
CM 7 บราซิล รามีเรส
CM 4 สเปน เซสก์ ฟาเบรกัส Substituted off in the 88th นาที 88'
RW 22 บราซิล วิลเลียน โดนใบเหลือง ใน 70th นาที 70' Substituted off in the 76th นาที 76'
LW 10 เบลเยียม เอแดน อาซาร์
CF 19 สเปน เดียโก โกสตา Substituted off in the 90+3rd นาที 90+3'
ตัวสำรอง:
GK 13 เบลเยียม ตีโบ กูร์ตัว
DF 3 บราซิล ฟีลีปี ลูอิส
DF 6 เนเธอร์แลนด์ นาธาน อาเก
MF 8 บราซิล ออสการ์ Substituted on in the 88th minute 88'
MF 23 โคลอมเบีย ฮวน กวาดราโด โดนใบเหลือง ใน 85th นาที 85' Substituted on in the 76th minute 76'
FW 11 โกตดิวัวร์ ดีดีเย ดรอกบา Substituted on in the 90+3rd minute 90+3'
FW 18 ฝรั่งเศส ลออิก เรมี
ผู้จัดการทีม:
โปรตุเกส โชเซ มูรีนโย
GK 1 ฝรั่งเศส อูว์โก โลริส (c)
RB 2 อังกฤษ ไคล์ วอล์กเกอร์
CB 15 อังกฤษ เอริก ไดเออร์ โดนใบเหลือง ใน 31st นาที 31'
CB 5 เบลเยียม ยัน เฟอร์โตงเงิน
LB 3 อังกฤษ แดนนี โรส
CM 42 แอลจีเรีย นาบีล แบนตาแลบ โดนใบเหลือง ใน 78th นาที 78'
CM 38 อังกฤษ ไรอัน เมสัน Substituted off in the 71st นาที 71'
RW 22 เบลเยียม นาแซร์ ชาดลี Substituted off in the 80th นาที 80'
AM 23 เดนมาร์ก คริสเตียน เอริกเซน
LW 17 อังกฤษ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ Substituted off in the 62nd นาที 62'
CF 18 อังกฤษ แฮร์รี เคน
ตัวสำรอง:
GK 13 เนเธอร์แลนด์ มีเชล ฟอร์ม
DF 21 อาร์เจนตินา เฟเดรีโก ฟาซีโอ
DF 33 เวลส์ เบน เดวีส์
MF 11 อาร์เจนตินา เอริก ลาเมลา Substituted on in the 71st minute 71'
MF 19 เบลเยียม มูซา แดมเบเล Substituted on in the 62nd minute 62'
MF 25 ฝรั่งเศส บ็องฌาแม็ง สต็องบูลี
FW 9 สเปน โรเบร์โต ซอลดาโด Substituted on in the 80th minute 80'
ผู้จัดการทีม:
อาร์เจนตินา เมารีซีโอ โปเชตีโน

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด

คณะผู้ตัดสิน

  • ผู้ช่วยผู้ตัดสิน:
    • ลี เบ็ตต์ส (นอร์โฟล์ก)[4]
    • เดฟ ไบรอัน (ลินคอล์นเชียร์)[4]
  • ผู้ตัดสินที่สี่: เคร็ก พอว์สัน (เซาท์ ยอร์คเชียร์)[4]
  • ผู้ช่วยผู้ตัดสินสำรอง: แอนดี ฮอลลิเดย์ (นอร์ท ยอร์คเชียร์)[4]

กติกา

  • แข่งขัน 90 นาที.
  • ถ้าเสมอกันต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที.
  • ดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะถ้าเสมอกันใน 120 นาที.
  • มีชื่อเปลี่ยนตัวสำรองได้ถึง 7 คน, แต่ใช้เปลี่ยนตัวลงสนามได้เพียงแค่สามคน.

อ้างอิง

  1. ↑ "League Cup final match report: Chelsea 2-0 Spurs". www.itv.com. สืบค้นเมื่อ 2 March 2015.
  2. ↑ "Competition Round and Draw Dates". Capital One Cup. สืบค้นเมื่อ 22 December 2014.
  3. ↑ "Chelsea 1-0 Liverpool". BBC Sport. 27 January 2015. สืบค้นเมื่อ 27 January 2015.
  4. ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 "Anthony Taylor to referee Capital One Cup Final". capitalonecup.co.uk. The Football League. 12 February 2015. สืบค้นเมื่อ 20 February 2015.