เดเอ็ฟเบ-โพคาล 2022 รอบชิงชนะเลิศ

เดเอ็ฟเบ-โพคาล 2022 รอบชิงชนะเลิศ
รายการเดเอ็ฟเบ-โพคาล ฤดูกาล 2021–22
หลัง ต่อเวลาพิเศษ
แอร์เบ ไลพ์ซิช ชนะ ลูกโทษ 4–2
วันที่21 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 (2022-05-21)
สนามโอลึมเพียชตาดิโยน, เบอร์ลิน
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด
นิโก ชล็อทเทอร์เบ็ค (เอ็สเซ ไฟรบวร์ค)[1]
ผู้ตัดสินซาสชา สเตเกอมันน์ (ไนเดอร์คัสเซิล)[2]
ผู้ชม74,322 คน[3]
2021
2023

การแข่งขัน เดเอ็ฟเบ-โพคาล 2022 รอบชิงชนะเลิศ เป็นการตัดสินหาผู้ชนะของ เดเอ็ฟเบ-โพคาล ฤดูกาล 2021–22, ฤดูกาลที่ 79 ของฟุตบอลถ้วยหลักของเยอรมนี. นัดนี้ลงเล่นไปเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 ที่สนาม โอลึมเพียชตาดิโยน ใน เบอร์ลิน.[4][5]

แมตช์นี้เป็นการพบกันระหว่าง เอ็สเซ ไฟรบวร์ค และ แอร์เบ ไลพ์ซิช, โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่เคยชนะการแข่งขันมาก่อน.

แอร์เบ ไลพ์ซิช ชนะ ลูกโทษ 4–2, ในเวลา 90 นาที เสมอ 1–1 หลัง ต่อเวลาพิเศษ, สำหรับแชมป์ เดเอ็ฟเบ-โพคาลครั้งแรกของพวกเขา.[6] ในฐานะผู้ชนะเลิศ, พวกเขาจะได้เป็นเจ้าภาพ ครั้งในปี ค.ศ. 2022 ของ เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ ที่ช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลหน้า, และจะเผชิญหน้ากับทีมแชมเปียนของ ฉบับฤดูกาล 2021–22 ของ บุนเดิสลีกา, ไบเอิร์นมิวนิก. เนื่องจากไลป์ซิกได้เข้ารอบสำหรับ ฉบับฤดูกาล 2022–23 ของ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ผ่านอันดับของพวกเขาในบุนเดสลีกา, พื้นที่ ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่สงวนสิทธิ์ไว้สำหรับผู้ชนะบอลถ้วยจะตกไปยังทีมอันดับที่หก, และของลีกพื้นที่ ยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก รอบเพลย์ออฟ จะไปสู่ทีมในอันดับที่เจ็ด.[7]

ทีม

ในตารางด้านล่างนี้, คู่ชิงชนะเลิศนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1943 จะเป็นยุคทสชัมเมอร์โพคาล, ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 จะเป็นยุค เดเอ็ฟเบ-โพคาล.

ทีม จำนวนการลงสนามครั้งที่ผ่านมา (ตัวหนาหมายถึงทีมชนะเลิศ)
เอ็สเซ ไฟรบวร์ค ไม่เคย
แอร์เบ ไลพ์ซิช 2 (2019), 2021)

ภูมิหลัง

เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ

เดเอ็ฟเบ-โพคาล เริ่มต้นกับ 64 ทีมในการแข่งขันรูปแบบถ้วยน็อคเอาต์ตกรอบเดียว. มีทั้งหมดห้ารอบนำหน้าก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศ. แต่ละทีมถูกจับสลากพบกับทีมอื่น, และผู้ชนะหลังจบ 90 นาทีจะได้ผ่านเข้ารอบ. ถ้าเสมอกัน, 30 นาทีของ การต่อเวลาพิเศษ จะได้ลงเล่น. ถ้าผลการแข่งขันยังคงระดับอยู่, การดวลลูกโทษ จะเป็นวิธีที่นำมาใช้ในการตัดสินหาทีมชนะเลิศ.[8]

หมายเหตุ: ผลการแข่งขันด้านล่างนี้, ผลของทีมที่เข้าชิงชนะเลิศจะขึ้นเป็นตัวเลขแรก (H: เหย้า; A: เยือน).

เอ็สเซ ไฟรบวร์ค รอบ แอร์เบ ไลพ์ซิช
คู่แข่งขัน ผล เดเอ็ฟเบ-โพคาล ฤดูกาล 2021–22 คู่แข่งขัน ผล
เวือทซ์บูร์เกอร์ คิคเกอร์ส 1–0 (A) รอบแรก เอ็สเฟา ซานด์เฮาเซิน 4–0 (A)
เฟาเอ็ฟเอ็ล ออสนาบรืค 2–2
(ต่อเวลา)
(ดวลลูกโทษ 3–2) (A)
รอบสอง เอ็สเฟา บาเบิลสแบร์ค 1–0 (A)
1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ 4–1 (A) รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฮันซารอสต็อก 2–0 (H)
เฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุม 2–1
(ต่อเวลา) (A)
รอบก่อนรองชนะเลิศ ฮันโนเฟอร์ 96 4–0 (A)
ฮัมบัวร์เกอร์ เอ็สเฟา 3–1 (A) รอบรองชนะเลิศ อูนีโอนแบร์ลีน 2–1 (H)

แมตช์

รายละเอียด

เอ็สเซ ไฟรบวร์ค1–1 (ต่อเวลาพิเศษ)แอร์เบ ไลพ์ซิช
เอ็กเกสไตน์ ประตู 19' รายงาน อึนคุนคู ประตู 76'
ลูกโทษ
2–4
  • Penalty scored อึนคุนคู
  • Penalty scored ออร์บัน
  • Penalty scored โอลโม
  • Penalty scored เฮนริชส์
ผู้ชม: 74,322 คน
ผู้ตัดสิน: ซาสชา สเตเกอมันน์ (ไนเดอร์คัสเซิล)
เอ็สเซ ไฟรบวร์ค
แอร์เบ ไลพ์ซิช
GK 26 ประเทศเนเธอร์แลนด์ มาร์ก เฟล็คเคิน
CB 5 ประเทศเยอรมนี มานูเอ็ล กุลเดอ Substituted off in the 106th นาที 106'
CB 3 ประเทศออสเตรีย ฟิลิปป์ ไลเอนฮาร์ต โดนใบเหลือง ใน 90th นาที 90'
CB 4 ประเทศเยอรมนี นิโก ชล็อทเทอร์เบ็ค
RM 17 ประเทศเยอรมนี ลูคัส คืบเลอร์ โดนใบเหลือง ใน 81st นาที 81' Substituted off in the 86th นาที 86'
CM 8 ประเทศเยอรมนี มักซีมีลีอาน เอ็กเกสไตน์ Substituted off in the 86th นาที 86'
CM 27 ประเทศเยอรมนี นิโคลัส ฮอฟเลอร์
LM 30 ประเทศเยอรมนี คริสทีอาน กึนเทอร์ (กัปตัน)
RW 22 ประเทศฮังการี โรล็องด์ ซอลล็อย Substituted off in the 79th นาที 79'
LW 32 ประเทศอิตาลี วินเชนโซ กรีโฟ
CF 9 ประเทศเยอรมนี ลูคัส ฮอเลอร์ Substituted off in the 79th นาที 79'
ผู้เล่นสำรอง:
GK 1 ประเทศเยอรมนี เบนจามิน อุปฮอฟฟ์
DF 7 ประเทศฝรั่งเศส โฌนาท็อง ชมิด Substituted on in the 86th minute 86'
DF 25 ประเทศฝรั่งเศส กีลีอานน์ ซิลดิลเลีย
DF 31 ประเทศเยอรมนี เกเฟิน ชล็อทเทอร์เบ็ค Substituted on in the 106th minute 106'
MF 19 ประเทศเยอรมนี ยานิก ฮาเบอเรอร์ Substituted on in the 86th minute 86'
MF 33 ประเทศเยอรมนี โนอาห์ ไวบ์ฮาอุปต์
FW 11 ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เออร์เมดิน เดมิรอวิช โดนใบเหลือง ใน 113th นาที 113' Substituted on in the 79th minute 79'
FW 18 ประเทศเยอรมนี นีลส์ เพเทอร์เซิน Substituted on in the 79th minute 79'
FW 29 ประเทศเกาหลีใต้ จ็อง วู-ย็อง
ผู้จัดการทีม:
ประเทศเยอรมนี คริสตีอาน สไตรช์
GK 1 ประเทศฮังการี เปแตร์ กูลาชี (กัปตัน)
CB 2 ประเทศฝรั่งเศส โมฮาเหม็ด ซิมาค็อง โดนใบเหลือง ใน 57th นาที 57' Substituted off in the 113th นาที 113'
CB 4 ประเทศฮังการี วิลลี ออร์บัน
CB 23 ประเทศเยอรมนี มาร์เซ็ล ฮัลสเทินแบร์ค Red card 57'
RM 16 ประเทศเยอรมนี ลูคัส คลอสเตอร์มันน์
CM 27 ประเทศออสเตรีย คอนราด ไลเมอร์ Substituted off in the 99th นาที 99'
CM 44 ประเทศสโลวีเนีย เควิน คัมเปิล Yellow card 57' Yellow-red card 118' Substituted off in the 69th นาที 69'
LM 39 ประเทศเยอรมนี เบนจามิน เฮนริชส์
RW 10 ประเทศสวีเดน เอมิล ฟอร์สแบร์ย โดนใบเหลือง ใน 82nd นาที 82' Substituted off in the 61st นาที 61'
LW 18 ประเทศฝรั่งเศส คริสโตเฟอร์ อึนคุนคู
CF 33 ประเทศโปรตุเกส อังแดร ซิลวา Substituted off in the 61st นาที 61'
ผู้เล่นสำรอง:
GK 31 ประเทศสเปน โฆเซป มาร์ติเนซ
DF 3 ประเทศสเปน อันเฆลีโญ
DF 22 ประเทศฝรั่งเศส นอร์ดี มูกิเอเล Substituted on in the 61st minute 61'
DF 32 ประเทศโครเอเชีย ยอชกอ กวาร์ดิโอล Substituted on in the 113th minute 113'
MF 8 ประเทศมาลี อามาดู ไฮดารา
MF 14 สหรัฐอเมริกา ไทเลอร์ แอดัมส์ Substituted on in the 99th minute 99'
MF 17 ประเทศฮังการี ดอมินิก ซอบอสซ์ไล Substituted on in the 61st minute 61'
MF 25 ประเทศสเปน ดานิ โอลโม Substituted on in the 69th minute 69'
FW 9 ประเทศเดนมาร์ก ยุสซุฟ โพลเซิน
ผู้จัดการทีม:
ประเทศอิตาลี โดเมนิโก เทเดสโก โดนใบเหลือง ใน 90+2nd นาที 90+2'

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด:
นิโก ชล็อทเทอร์เบ็ค (เอ็สเซ ไฟรบวร์ค)[1]

ผู้ช่วยผู้ตัดสิน:[2]
ไมก์ พิคเคิล (เมนดิก)
เฟรเดอริค อัสส์มุท (โคโลญ)
ผู้ตัดสินที่สี่:[2]
รอแบร์ต ชเรือเดอร์ (ฮาโนเฟอร์)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ:[2]
เซือเริน สตอร์กส์ (Ramsdorf [de])
ผู้ช่วยของผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ:[2]
คริสทีอาน กิทเทิลมันน์ (เกาเออร์สไฮม์)

ข้อมูลการแข่งขัน[9][10]

  • แข่งขันเวลาปกติ 90 นาที
  • ต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที เมื่อทั้งสองทีมเสมอกันในเวลาปกติ
  • ตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษ เพื่อหาผู้ชนะ
  • ตัวสำรองของแต่ละทีมมีรายชื่อ 9 คน
  • เปลี่ยนตัวผู้เล่นได้สูงสุด 5 คน[note 1]

ดูเพิ่ม

หมายเหตุ

  1. แต่ละทีมจะได้รับโอกาสเพียงสามครั้งในการเปลี่ยนตัวผู้เล่น, ด้วยโอกาสครั้งที่สี่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ, นับรวมการเปลี่ยนตัวที่เกิดขึ้นในช่วงพักครึ่งแรก, ก่อนจะเริ่มของการต่อเวลาพิเศษและหมดครึ่งเวลาแรกในช่วงต่อเวลาพิเศษ.

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 "SC Freiburg – RB Leipzig, Stimmen zum DFB-Pokalfinale: "Man darf den alten Trainer nicht schlecht machen"" [SC Freiburg – RB Leipzig, quotes on the DFB-Pokal Final: "You cannot badmouth the old coach".]. SPOX.com (ภาษาเยอรมัน). 22 May 2022. สืบค้นเมื่อ 22 May 2022. Nico Schlotterbeck (SC Freiburg, vom DFB zum Spieler des Spiels gewählt) [Nico Schlotterbeck (SC Freiburg, voted player of the match by the DFB)]
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 "Stegemann leitet DFB-Pokalfinale in Berlin" [Stegemann leads DFB-Pokal final in Berlin]. DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. 3 May 2022. สืบค้นเมื่อ 3 May 2022.
  3. "DFB-Pokal, 2021/2022, Finale" [2021–22 DFB-Pokal, Final]. DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. 21 May 2022. สืบค้นเมื่อ 21 May 2022.
  4. "Alle DFB-Pokalsieger" [All DFB-Pokal winners]. DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. 21 May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 June 2016.
  5. "DFB-Präsidium verabschiedet Rahmenterminkalender 2021/2022" [DFB executive committee passes framework schedule 2021–2022]. DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. 4 December 2020. สืบค้นเมื่อ 4 December 2020.
  6. "Freiburg versagen die Nerven vom Punkt: Leipzig gewinnt den DFB-Pokal". kicker.de. 21 May 2022. สืบค้นเมื่อ 21 May 2022.
  7. "Strategic talks in Dubrovnik". UEFA.org. Union of European Football Associations. 20 September 2013. สืบค้นเมื่อ 29 April 2015.
  8. "Modus" [Mode]. DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. 15 August 2012. สืบค้นเมื่อ 11 June 2015.
  9. "Spielordnung" [Match rules] (PDF). DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. sec. 46. สืบค้นเมื่อ 12 February 2022.
  10. "Durchführungsbestimmungen" [Implementation regulations] (PDF). DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. sec. 31. สืบค้นเมื่อ 12 February 2022.

แหล่งข้อมูลอื่น